ในยุคสมัยนี้ตลาดไทยหรือแม้แต่ตลาดโลกเองต่างมีการแข่งขันการทำธุรกิจที่เข้มข้นขึ้นทุกปีๆ มีผู้ขายหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในประเทศไทยและผู้ซื้อก็มีความต้องการสินค้ามากขึ้นเช่นกัน แต่! สำหรับผู้ขายบางท่านหรือบางธุรกิจกับมีรายรับไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายทั้งๆ ที่สินค้าก็มีคุณภาพซึ่งบางครั้งมันอาจจะเป็นเพราะว่าเรายังจัดการองค์ประกอบของธุรกิจของเราได้ไม่ดีพอ หรือมีระบบระเบียบที่ยังไม่รัดกุมมากพอวันนี้ EasyParcel จึงอยากมาแนะนำ 6 กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์สินค้าให้ดีและมีระบบระเบียบในการจัดการธุรกิจของคุณให้ดียิ่งขึ้น เราไปดูกันเลยว่า 6 กลยุทธ์ที่ว่ามีอะไรบ้าง
1. วิเคราะห์จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ – ก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจคุณจำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำะไร มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสินค้าและบริการนั้นๆ มากน้อยแค่ไหนและหาจุดยืนของตัวเองให้เจอเพื่อให้ลูกค้าของคุณสามารถคาดหวังสิ่งที่จะได้รับจากคุณได้ เช่นใช้แล้วดีจริงๆ ไหม ซื้อแล้วอร่อยจริงๆ ไหมเป็นต้น และควรหมั่นรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้าเช่น การตั้งใจรับฟังปัญหาของลูกค้าอย่างใจเย็นและสุภาพ เพราะเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณกับลูกค้ามีความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวได้
2. การสร้างโลโก้ – โลโก้ของสินค้านั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ตัวแทนของสินค้าและธุรกิจ เทคนิคการสร้างโลโก้ที่ดีควรที่จะมีสโลแกน คำพูด คำบรรยายที่ติดปาก ฟังแล้วนึกถึงสินค้าของเราทันที เช่นเรารู้ว่า Coca-cola ขายน้ำอัดลม Slogan คือ taste the feeling ซึ่งเรามักเห็นโฆษณาของโค้กในรูปแบบของการเดินทาง มิตรภาพ (สิ่งที่โค้กพยายามสื่อมักจะสัมพันธ์กับสโลแกนของเค้า) ตัวอย่างโฆษณาของโค้ก
3. การสร้างการรับรู้ (Brand awareness) – พูดง่ายๆ เลยคือการทำโฆษณเพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่ามีแบรนด์เราอยู่บนโลก ซึ่งการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องได้เงินกลับมาพูดง่ายๆ ว่าเสียเงินเพื่อแลกกับการรับรู้อย่างเดียว – -”
4. สร้างความภักดีต่อแบรนด์ (ฺBrand royalty) – สิงหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจไปได้อย่างราบรื่นคือการสร้างความภักดีต่อแบรนด์หมายถึงการรักษาลูกค้าเดิมให้ดีและบริการลูกค้าใหม่ให้ดีเช่นกัน เพราะเมื่อลูกค้ามีความผูกพันธ์และความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ของเราลูกค้าก็จะเลือกซื้อของจากเราไปเรื่อยๆ ทั้งนี้นอกจากการรักษามาตรฐานสินค้า การบริการที่ดีแล้วทางแบรนด์ก็ควรนำเงินบางส่วนไปช่วยเหลือสังคมบ้างเพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ของคุณมากขึ้น
5. ทำความเข้าใจลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ – วิธีนี้ก็แปลตรงตัวเลยว่าเจ้าของธุรกิจต้องหมั่นสอบถามลูกค้าถึงความพึงพอใจในตัวสินค้าหรือบริการสิ่งไหนที่เป็นข้อด้อยให้รีบปรับปรุง สิ่งใดเป็นข้อดีให้รักษามาตรฐานและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อคู่แข่งจะได้ตามไม่ทัน
6. แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ – เมื่อแบรนด์ของคุณเริ่มที่จะมีสินค้าหรือบริการใหม่ที่ต้องทำภายใต้แบรนด์สินค้าเดิมที่มีอยู่ ต้องทำให้สินค้าหรือบริการนั้น ๆ ดูไม่แต่ต่างจากสินค้าหรือบริการเดิมมากนัก ไม่เช่นนั้นจะทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนได้ นอกจากการแตกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับแบรนด์เพื่อให้เกิดความน่าสนใจขึ้นแล้ว การเปิดการตลาดใหม่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เช่น การขยายแบรนด์ไปสู่ตลาดต่างประเทศโดยห้ามทิ้งฐานลูกค้าเก่าที่อยู่ในประเทศ ซึ่งถือว่าวิธีนี้เป็นการสร้างแบรนด์สู่สากล การสร้างแบรนด์ให้มันคงอาจไม่ได้เป็นเรื่องง่ายแต่ถ้าหากคุณเรียนรู้ที่จะเริ่มต้น และสร้างมันด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ เชื่อว่าคุณเองก็สามารถประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก
เมื่อมีพัสดุจะส่ง อย่าลืมนึกถึง EasyParcel นะคะ
